กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงcmp
การบริหารการเปลี่ยนแปลง(Change Management ) หมายถึง การวางแผนการดำเนินการต่างๆ
เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง และสนับสนุนให้เกิดการปรับตัวและการยอมรับ
พร้อมทั้งสร้างศักยภาพใหม่ๆ
เพื่อรองรับให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเป็นผลตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้นเกิดจากปัจจัย 2 ประเภท คือ ปัจจัยภายนอก เป็นสิ่งผลักดันจากภายนอกไม่ว่าจะเป็น
นโยบายภาครัฐ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง เป็นต้น และปัจจัยภายใน
เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นในองค์กรที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น
การเปลี่ยนแปลงนโยบาย การเปลี่ยนผู้บริหาร การปรับระบบการทำงาน
การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ) กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management
Process : CMP) จึงเป็นกระบวนการที่ช่วยให้องค์กรเกิดการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้กระบวนการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงยังเป็นกรอบความคิดแบบหนึ่งของการจัดการความรู้
เพื่อให้องค์กรที่ต้องการจัดการความรู้ได้มุ่งเน้นถึงปัจจัยแวดล้อมภายในองค์กร
ที่จะมีผลกระทบต่อการจัดการความรู้
โดยกระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ
ดังภาพ
องค์ประกอบของกระบวนการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ โดยในแต่ละองค์ประกอบมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
องค์ประกอบที่ 1 การเตรียมการและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Transition
and Behavior Management) เป็นการเปลี่ยนแปลงค่านิยม พฤติกรรมของผู้บริหารและบุคลากร
ให้เป็นผู้ยึดแนวการทำงานที่เปิดรับ และพร้อมจะสร้างสรรค์งานใหม่ๆ
พร้อมเป็นผู้แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน
เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
มีมุมมองผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาในเชิงบวก เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน
และให้โอกาสทีมงานด้วยความสมัครใจ ปลูกฝังแนวคิดที่เอื้อต่อการทำงาน เช่น ความตั้งใจจริง การเอาชนะอุปสรรค การทำงานให้ผลออกมาดีที่สุด
ความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในความถูกต้อง ความดีงาม ฯลฯ
องค์ประกอบที่ 2
การสื่อสาร (Communication)
เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งที่องค์กรจะดำเนินการร่วมกัน
การสื่อสารที่สำคัญ ได้แก่ 1) สื่อสารเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้น เช่น ความหมาย ความสำคัญ
องค์ประกอบ ประโยชน์ของการจัดการความรู้ 2) สื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการ
ขั้นตอนในการจัดการความรู้ตลอดจนเครื่องมือที่จะใช้ในการจัดการความรู้ 3) สื่อสารถึงบทบาทหน้าที่คณะทำงานและผู้เกี่ยวข้องในการจัดการความรู้ และ 4) สื่อสารเกี่ยวกับเป้าหมายของการจัดการความรู้
ตลอดจนความยาก และปัญหาที่อาจจะพบในการจัดการความรู้
องค์ประกอบที่ 3 กระบวนการและเครื่องมือ (Process and
Tools) ช่วยให้การค้นหา เข้าถึง ถ่ายทอด
และแลกเปลี่ยนความรู้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยการเลือกใช้กระบวนการและเครื่องมือ
ขึ้นกับชนิดของความรู้ ลักษณะขององค์กร ลักษณะการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร ทรัพยากร เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ถ้าเป็นการจัดการความรู้ประเภทชัดแจ้ง
(Explicit Knowledge) มักจะใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT)
ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้ประเภทฝังลึก (Tacit
Knowledge) มักจะเป็นกระบวนการที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้
และแบ่งปันได้ เช่น การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกัน การสอนงาน (Coaching) การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action
Learning) การจัดชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice หรือ CoP)
องค์ประกอบที่ 4
การเรียนรู้(Learning) เพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญและหลักการของการจัดการความรู้
โดยการเรียนรู้ต้องพิจารณาถึง เนื้อหา
กลุ่มเป้าหมาย วิธีการ การประเมินผลและปรับปรุง เช่น
การเรียนรู้โดยการจัดชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) มีกระบวนการขั้นตอนดังนี้
1) การกำหนดเป้าหมาย (Desired
State) ซึ่งเป็นความต้องการในการจัดการความรู้
เพื่อตอบคำถามว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องใด
และจะทำให้ใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในการจัดการความรู้นั้น
2) สรรหาผู้ปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ
(Best Practice) เข้าร่วมแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์
สมาชิกทุกคนที่เข้าร่วมเวทีต้องเป็นตัวจริง คือเป็นผู้ปฏิบัติงานในเรื่องนั้น ๆ
ที่ประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับ เป็นแบบอย่างที่ดี และมาจากความแตกต่าง หลากหลาย
จึงจะเกิดพลัง
3) ค้นหาความรู้ฝังลึกในตัวผู้ปฏิบัติ
ซึ่งเขามีวิธีการปฏิบัติอย่างไร จึงประสบผลสำเร็จ ผ่านเทคนิคการเล่าเรื่อง (Story
Telling) โดยใช้กระบวนการสกัดขุมความรู้ (Knowledge Assets) เป็นรายบุคคล
แล้วหลอมรวมวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศของทุกคนให้เป็นแก่นความรู้ (Core
Competence)
4) สร้างความรู้ที่กระจัดกระจายอยู่มากมายมารวมไว้
เพื่อจัดทาเนื้อหาให้เหมาะสม และตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยจัดทำเป็นฐานข้อมูลต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม
5) เลือกและกลั่นกรอง
(Refine) โดยสรรหาเลือกความรู้ที่เป็นประโยชน์ และโดดเด่น
ซึ่งอาจจะนำไปเทียบเคียงทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดที่มีบันทึกไว้
หากไม่ตรงกับหลักการใด เราอาจจะได้หลักการปฏิบัติใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
6) การเผยแพร่ความรู้
(Knowledge Distribution) กิจกรรมนี้นำการจัดการที่เป็นระบบแล้วเผยแพร่แก่นักปฏิบัติที่มีความต้องการจะนำองค์ความรู้ที่ได้จากการจัดการความรู้ไปใช้ประโยชน์
7) การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
(Use) เป็นกิจกรรมที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเมื่อมีการจัดการความรู้แล้วไม่นำไปใช้ประโยชน์ก็ไม่บังเกิดผลใด ๆ
ทำให้เกิดความสูญเปล่าในการจัดการความรู้
8) การนำความรู้ที่ได้มาและผ่านการนำไปใช้แล้วว่าเกิดประโยชน์จริง
มาเก็บไว้ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต
ไว้เป็นแหล่งความรู้ (Knowledge Assets) เพื่อให้เกิดพลังในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
9) การตรวจสอบ (Monitor)
เป็นการทบทวนดูว่าทุกขั้นตอนของการจัดกระบวนการความรู้
มีขั้นตอนใดที่จะต้องปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขั้นตอนใดมีความเหมาะสมดีแล้ว
องค์ประกอบที่ 5
การวัดผล (Measurement) เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินการได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
มีการนำผลของการวัดมาใช้ในการปรับปรุงแผนและการดาเนินการให้ดีขึ้น
มีการนำผลการวัดมาใช้ในการสื่อสารกับบุคลากรในทุกระดับ
ให้เห็นประโยชน์ของการจัดการความรู้
และการวัดผลต้องพิจารณาด้วยว่าจะวัดผลที่ขั้นตอนไหน อันได้แก่ วัดระบบ (System)
วัดที่ผลลัพธ์ (Output) หรือวัดที่ประโยชน์ที่จะได้รับ
(Outcome) การวัดผลจะทำให้เราได้รู้ว่าการจัดการความรู้ก่อให้เกิดการพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรมจริงหรือไม่
องค์ประกอบที่ 6 การยกย่องชมเชยและการให้รางวัล (Recognition
and Rewards) เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมของบุคลากรในทุกระดับ
โดยข้อควรพิจารณา ได้แก่ ค้นหาความต้องการของบุคลากร แรงจูงใจระยะสั้นและระยะยาว
บูรณาการกับระบบที่มีอยู่ ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกิจกรรมที่ทำในแต่ละช่วงเวลา
ในการจัดการความรู้ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้นั้นจะต้องมีสิ่งกระตุ้น ผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การพิจารณาเรื่องการยอมรับ และให้รางวัล ก็เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ
ความสอดคล้อง และความเต็มใจถ่ายทอดร่วมกับผู้อื่น ซึ่งแต่ละองค์กรต้องพิจารณาตามความเหมาะสม
เช่น ของรางวัล ประกาศเกียรติคุณ คำยกย่องชมเชย เป็นต้น
กล่าวโดยสรุป กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process : CMP) ทั้ง 6
ขั้นตอน
เป็นแผนช่วยในการนำบุคลากรเข้าสู่กระบวนการจัดการความรู้
ซึ่งถือเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสร้าง แสวงหา และบริโภคความรู้ขององค์กรนั้นๆ
ที่มา:http://www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/book56_4/km.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น